เคล็ดลับ

ทำความรู้จักสีทาภายนอกและสีทาภายในแตกต่างกันอย่างไร เพื่อนๆ หลายคนอาจจะสงสัยกับการเลือกใช้สีที่มีความแตกต่างกัน ทั้งใช้ทาภายใน อีกตั้งใช้ทาภายนอก วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ มาทำความรู้จักกับ สี ที่ใช้ทาบ้านของเราว่าตัวไหนใช้ทาภายไหนใช้ทาภายนอก มึความแตกต่างกันอย่างไรในการใช้งาน ไปชมกัน สีทาภายนอก เป็นสีที่ได้รับการออกแบบมาให้มีความทนทานสูงต่อสภาพอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เพื่อให้สีทาบ้านสามารถติดทนทานบนผนังนอกตัวบ้านที่ต้องเผชิญกับแดดและฝนตลอดวันได้ดีโดยไม่หลุดลอกจากผนังบ้าน อีกทั้งยังมีการเพิ่มคุณสมบัติให้สีทาภายนอกสามารถกันความชื้นและการเกิดเชื้อราบนผนังบ้านได้ดี หรือแม้แต่ในวันที่มีแสงแดดจัดจ้าก็ยังมีส่วนผสมที่สามารถป้องกันรังสียูวีและความร้อนจากดวงอาทิตย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถยืดอายุการใช้งานให้สีทาภายนอกมีความทนทานยาวนานและไม่ซีดจาง สีทาภายใน เป็นประเภทสีที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อการตกแต่งภายในบ้านโดยเฉพาะ จึงทำให้ไม่มีคุณสมบัติที่สามารถทนแดดและทนฝนได้เหมือนกับสีทาภายนอก หากนำสีประเภทนี้ไปทาบริเวณผนังภายนอกก็อาจทำให้สีหลุดร่อนออกจากผนังบ้านได้ง่าย โดยเนื้อสีของสีทาภายในจะเป็นเนื้อสีแท้ที่ปราศจากสารเคมีอื่นเจือปน จึงทำให้สีทาภายในมีความละเอียดสูง พร้อมทำให้ผนังในบ้านมีความสวยเงางาม และยังเป็นสีที่มีกลิ่นค่อนข้างน้อย เหมาะสำหรับนำมาใช้ทาผนังภายในบ้านได้ดี ซึ่งในปัจจุบันมีการคิดค้นสีทาผนังภายในบ้านที่สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่ายและทนต่อการเช็ดถูคราบสกปรกบนผนังได้มากยิ่งขึ้น โดยส่วนมากจะนิยมทาสีภายในลงบนผนังหลังจากมีการทาสีรองพื้นเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสวยงามให้ผนังบ้านมีสีที่โดดเด่นมากยิ่งขึ้น เพียงเท่านนี้เพื่อนก็จะสามารถเลือกใช่งานสีแต่ละประเภทได้อย่างถูกต้องแล้วล่ะ

5 สิ่งที่คุณอาจไม่ทราบมาก่อนว่าาเป็นตัวดึงดูดหนูเข้าบ้านของคุณเอง เราทราบกันดีว่าหนูนั้นเป็นพาหะของโรคต่างๆ ที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ได้ และความเชื่อผิดเกี่ยวกับอาหารที่หนูนั้นโปรดปราน วันนี้เราขอนำเสนอสิ่งของในบ้านที่อาจจะส่งทำให้หนูเข้ามาอาศัยในบ้านของเพื่อนๆ ได้ ไปดูกันเลยว่ามีอะไรกันบ้าง เบคอน หนูชอบเบคอน โดยกรมสาธารณสุขของรัฐอิลลินอยส์แนะนำให้ผูกเบคอนชิ้นเล็กๆ ไว้กับกับดัก ช่อง หรือรู หากบ้านคุณมีช่องที่เปิดออกนอกบ้านได้กว้างกว่าดินสอ การไม่อุดรู หรือช่องเหล่านั้นก็เหมือนเป็นการปูเสื่อต้อนรับหนู ซึ่งรวมไปถึงช่องว่างรอบท่อหรือท่อร้อยสายไฟที่มีสายไฟ ดังนั้นจึงควรอุดรูเหล่านั้น โดยเลือกใช้สิ่งที่หนูไม่สามารถเคี้ยวได้ หรือจะนำไปใช้เป็นวัสดุทำรังที่นุ่มสบายแทน ซึ่งหนูสามารถเคี้ยวได้หลายอย่างแม้แต่คอนกรีตที่ยังไม่แข็งตัว ดังนั้นจึงควรระมัดระวัง หญ้า หรือเศษซากรอบๆ บ้าน หญ้าไม่ใช่รายการอาหารโปรดของหนู แต่พวกมันสามารถเป็นที่หลบซ่อนของหนูได้ดี รวมไปถึงเศษใบไม้ หรือเศษซากตามธรรมชาติอื่นๆ ดังนั้นจึงเป็นการดีที่สุดที่จะกำจัดขยะที่ลานบ้านทันทีที่คุณสังเกตเห็น การไม่เก็บอาหารให้ภาชนะที่ทนทาน และเป็นสุญญากาศ โดยทั่วไป หนูไม่น่าจะเข้าไปในตู้เย็นหรือช่องแช่แข็งของคุณได้ ถ้าคุณมีถุงแป้ง น้ำตาลหรืออาหารในกล่องกระดาษแข็งซึ่งกินพื้นที่ในตู้กับข้าวควรเก็บในภาชนะกล่องพลาสติกหรือกล่องแก้วที่ปิดสนิท ผ้าฝ้าย หนังสือพิมพ์เก่า ไหมขัดฟัน ขนนก เนื่องจากเวลาหนูเข้ามาที่บ้านของเราอีกวัตถุประสงค์หนึ่งนอกจากเรื่องของอาหารแล้ว พวกมันยังต้องการทำรัง หรือสร้างบ้านของตัวเอง และสิ่งที่กล่าวไปคือวัสดุทำรังที่ดี ซึ่งในทางกลับกันถ้าจะทำกับดักล่อพวกมัน คุณก็ใช้สิ่งเหล่านี้ได้เช่นกัน

แนะนำวิธีทำความสะอาดผนังสีขาว ให้ขาวสะอาดเหมือนใหม่ ผนังบ้านสีขาวสะอาดตา เมื่อมีคราบเลอะหรือคราบสกปรกเกิดขึ้นก็ทำให้ไม่น่ามองอย่างแน่นอน วันนี้เราได้นำวิธีทำความสะอาดผนังสีขาวมาฝากกัน ทำตามไม่กี่ขั้นตอนผนังบ้านสีขาวของเพื่อนๆ ก็จะกลับมาสวยเหมือนใหม่กันเลยล่ะ ทำอย่างไรกันบ้างไปดูกันเลย อุปกรณ์/เครื่องมือที่ต้องเตรียม ฟองน้ำ ผ้าขนหนูไมโครไฟเบอร์ หรือเศษผ้า กระดาษเช็ดมือ น้ำยาทำความสะอาดเอนกประสงค์ น้ำยาล้างจานสูตรอ่อนโยน เบกกิ้งโซดา ขั้นตอนการทำความสะอาด พิจารณารอยสกปรก คราบต่างๆ เหล่านั้น ว่าแค่ปัดออกแล้วก็หาย หรือสามารถจัดการได้ด้วยฟองน้ำนุ่มๆ หรือผ้าไมโครไฟเบอร์ เริ่มด้วยการปัดฝุ่นจากเพดานถึงพื้น โดยใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ชุบน้ำหมาดๆ แล้วเช็ดพร้อมบิดหมาดๆ เมื่อผนังสกปรก หรืออาจเพิ่มสเปรย์ทำความสะอาดอเนกประสงค์ วิธีทำความสะอาดผนังสีขาว ใช้กระดาษทิชชู หรือผ้าไมโครไฟเบอร์ เศษผ้า ชุบน้ำยาทำความสะอาดแล้วเช็ดทำความสะอาด โดยพยายามเลือกน้ำยาทำความสะอาดอเนกประสงค์ที่มีเนื้อสัมผัสเกือบเป็นสบู่เพื่อขจัดคราบไขมันในห้องครัว สบู่ล้างจานสามารถช่วยทำความสะอาดพื้นผิวรอบๆ บ้านได้อย่างยอดเยี่ยม ตั้งแต่เคาน์เตอร์ไปจนถึงพรม โดยพยายามเลือกใช้สบู่ล้างจานสูตรอ่อนโยนที่ไม่มีกลิ่นแรง หากมีรอยเปื้อนที่ไม่ค่อยออกให้หยิบฟองน้ำนุ่มๆ มาซับให้เปียก แล้วเติมน้ำยาล้างจานลงไป ก่อนจะขัดเบาๆ บนคราบแล้วเช็ดทำความสะอาดด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์เปียก อาจต้องทำซ้ำ 2-3 ครั้ง หากมีจุดที่ยังไม่ออก อาจใช้เบกกิ้งโซดาแทน ซึ่งวิธีการใช้เบกกิ้งโซดาทำความสะอาดผนังสีขาว นำเบกกิ้งโซดา 3 ส่วนผสมลงในชามกับน้ำประมาณ 1 ส่วน ผสมกันให้พอเป็นเนื้อเหนียวๆ …

แนะนำวิธีทำความสะอาดผนังสีขาว ให้ขาวสะอาดเหมือนใหม่ Read More »

แนะนำวิธีใช้กรดซิตริกทำความสะอาดบ้าน ปลอดภัยกับตัวเองและคนในครอบครัว เราสามารถนำกรดซิตริกมาทำความสะอาดบ้านได้ วันนี้เราจึงขอนำเสนอการทำความสะอาดด้วยกรดซิตกัน ทั้งปลอดภัยกับตนเองและคนในครอบครัว ไปดูกันดีกว่าว่าใช้ทำอะไร ที่ไหน กันได้บ้าง ไปชมกัน ทำความสะอาดกาต้มน้ำ และหม้อกาแฟได้อย่างล้ำลึก นี่อาจเป็นหนึ่งในการใช้กรดซิตริกที่พบบ่อยที่สุด กาต้มน้ำของคุณอาจมีคราบหินปูนจากน้ำที่ต้มมาแล้วหลายๆ ครั้ง คุณสามารถนำกรดซิตริกมาทำความสะอาดกาต้มน้ำได้โดยเติมกรดซิตริกลงไปในน้ำร้อน ซึ่งกรดซิตริกจะเข้าไปทำความสะอาดกาต้มน้ำ และหม้อกาแฟอย่างล้ำลึก โดยใช้กรดซิตริกประมาณ 1-2 ช้อนชาลงไปในกาต้มน้ำที่มีน้ำอยู่แล้ว แล้วเปิดการทำงานของกาต้มน้ำ หรือนำหม้อกาแฟนั้นไปต้ม ก่อนจะล้างออก แล้วดูว่ามีคราบหลงเหลืออยู่หรือไม่ คุณอาจต้องทำซ้ำ 2-3 ครั้งเพื่อให้เกิดความสะอาดเป็นประกาย ขจัดคราบสกปรก และคราบสะสมในเครื่องล้างจาน ในเครื่องล้างจานก็มักจะเกิดคราบสกปรกสะสมได้เช่นกัน วิธีการแก้ปัญหานี้คือให้เติมกรดซิตริกประมาณ 2 ช้อนชาพร้อมโซเดียมไบคาร์บอเนต (เบกกิ้งโซดา) 1 ช้อนชาลงไปในเครื่องล้างจานแล้วเปิดเครื่อง กรดซิตริกและเบกกิ้งโซดาจะเข้าไปในทุกส่วนเล็กๆ ของเครื่องล้างจาน สามารถขจัดคราบผงซักฟอก สบู่ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ภายในเครื่องสะอาดหมดจด ซึ่งอาจกำหนดว่าหากล้างจานไปแล้วประมาณ 30 รอบก็ทำความสะอาดสัก 1 ครั้ง ล้างเครื่องซักผ้า เครื่องซักผ้าของคุณก็อาจประสบปัญหาเช่นเดียวกันกับเครื่องล้างจาน แต่การสะสมของตะกรันและน้ำยาซักผ้ามีแนวโน้มที่จะสร้างความเสียหายให้กับเครื่องซักผ้ามากขึ้น วิธีแก้ปัญหาคือใช้กรดซิตริกเหมือนกับเครื่องล้างจาน โดยใช้ส่วนผสมของกรดซิตริกและเบกกิ้งโซดาเหมือนกับการขจัดคราบในเครื่องล้างจาน แต่ควรทำทุกๆ 2-4 สัปดาห์ …

แนะนำวิธีใช้กรดซิตริกทำความสะอาดบ้าน ปลอดภัยกับตัวเองและคนในครอบครัว Read More »

แนะนำเทคนิคการเลือกซื้อปลั๊กพ่วงให้เหมาะสมกับบ้านคุณ ปลั๊กพ่วง หรือ รางปลั๊กไฟ เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องมีกันทุกบ้าน เพราะอุปกรณ์ทุ่นแรงในการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้า และเราสามารถใช้ปลั๊กพ่วงกับเครื่องใช้ไฟฟ้าได้พร้อมกันหลายๆ เครื่องนั้นเอง วันนี้เราจึงได้ขอแะนำ วิธีเลือกปลั๊กพ่วง ให้เหมาะสมกับการใช้งานและบ้านกันสักเล็กน้อย เพื่อเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ในการใช้งานกันไปชมกันเลย ประเภทของปลั๊กพ่วง ปลั๊กพ่วงแบบที่ 1 ปลั๊กพ่วง 2 ขา หลายคนคุ้นเคยกับปลั๊กพ่วงหรือรางปลั๊กไฟแบบนี้อยู่แล้ว โดยปลั๊กพ่วง 2 ขา จะมีเต้าเสียบปลั๊กรองรับปลั๊กของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ประมาณ 3-4 ตัวตามขนาดและดีไซน์ แรงดันไฟฟ้าของปลั๊กพ่วง 2 ขา มีมากถึง 1,500 วัตต์ ซึ่งเหมาะสำหรับใช้งานทั่วไป เช่นใช้กับพัดลมชาร์จแบตเตอรี่ โทรศัพท์หรือแท็บเล็ต ปลั๊กพ่วงแบบที่ 2 ปลั๊กโรลสายไฟ ตัวปลั๊กจะถูกม้วนเก็บและสามารถดึงสายปลั๊กไฟออกมาใช้งานได้ในตัวเดียวกันเต้าเสียบสำหรับปลั๊กประเภทนี้มีให้เลือก 2 แบบคือแบบ 2 ขา และแบบ 3 ขา โดยปลั๊กจะรองรับพลังงานไฟฟ้าได้มากถึง 2,500-3,500 วัตต์ เหมาะกับการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องการพื้นที่กว้าง เพราะสายไฟค่อนข้างยาวม้วนเก็บง่าย และเคลื่อนย้ายได้สะดวก หากนำมาใช้ควรดึงสายไฟให้หมดโรลก่อน เพื่อความปลอดภัย ปลั๊กพ่วงแบบที่ 3 ปลั๊กบ็อกยางสนาม ปลั๊กแบบนี้มีขนาดพอดี พกพาได้ง่าย ตัวเต้าปลั๊กทำจากยาง ซึ่งลดแรงกระแทก …

แนะนำเทคนิคการเลือกซื้อปลั๊กพ่วงให้เหมาะสมกับบ้านคุณ Read More »