ไอเดียแต่งบ้าน

white

6 เทคนิคในการเลือกโซฟาแต่งห้องนั่งเล่นสวยๆ ไว้รับแขก

white

6 เทคนิคในการเลือกโซฟาแต่งห้องนั่งเล่นสวยๆ ไว้รับแขก

ใครที่กำลังจะมองหาซื้อโซฟาสักตัวต้ออยู่ล่ะก็ แล้วอากรู้ว่าจะต้องดูอะไรบ้าง สีอะไรดี เลือกอย่างไรให้เหมาะกับห้องนั่งเล่น วันนี้เรานำเทคนิคในการเลือกแบบโซฟาง่าย ๆ สำหรับตกแต่งห้องนั่งเล่นมาฝากกัน 

  • วัดพื้นที่และกำหนดขนาดก่อนซื้อ

วัดพื้นที่

ก่อนจะเลือกซื้อโซฟาทุกครั้ง แนะนำให้วัดพื้นที่ที่จะนำมาตั้งก่อน ทั้งความยาว ความลึก และความสูง เมื่อไปถึงหน้าร้านก็จะได้ตัดสินใจเลือกแบบโซฟาที่เข้ากับห้องนั่งของเราได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ก็อย่าลืมเช็กขนาดของประตู บันได หรือทางเดินที่ต้องขนย้ายโซฟาผ่านด้วย เพราะถ้าหากเรารู้ว่าทางเข้า-ออกมีขนาดจำกัด ก็จะช่วยให้เลือกลักษณะของโซฟาได้อย่างเหมาะสม ลดปัญหาการขนส่ง เช่น โซฟาพนักพิงต่ำหรือโซฟาแบบถอด-ประกอบได้นั่นเอง 

  • เลือกประเภทให้เหมาะสมกับการใช้งาน

ประเภทของโซฟา

มื่อได้ขนาดของโซฟาที่ต้องการแล้ว ต่อไปก็ต้องมองหาประเภทของโซฟาที่ต้องการ โดยแบบโซฟาที่ดีควรมีขนาดเหมาะสมกับการใช้งาน มีจำนวนที่นั่งที่พอดีกับคน และมีขนาดเข้ากันกับพื้นที่ห้อง ซึ่งประเภทของโซฟาที่คนส่วนใหญ่นิยมเลือกใช้ มีดังนี้
  • แบบโซฟาเบด : โซฟาที่สามารถนั่งชิลก็ได้ ปรับนอนก็ดี รูปทรงเรียบง่าย สวยงาม เหมาะสำหรับคนที่มีพื้นที่จำกัด จึงต้องการเฟอร์นิเจอร์ที่มีฟังก์ชันเสริมเพื่อการใช้งานที่คุ้มค่า แถมยังเหมาะสำหรับคนที่มักจะมีเพื่อนมานอนเล่นที่บ้านเป็นประจำด้วย
  • แบบโซฟา 2 ที่นั่ง : โซฟาที่ออกแบบมาเพื่อให้คน 2 คนนั่งได้อย่างสบาย แต่ถ้าหากเป็นเด็กหรือตัวเล็ก ก็สามารถรองรับได้มากกว่านั้น ฉะนั้นจึงเหมาะกับคู่รัก ครอบครัวขนาดเล็ก หรือคนที่ไม่ค่อยมีแขกมาบ้าน
  • แบบโซฟา 3 ที่นั่ง : โซฟาที่ออกแบบมาเพื่อให้คน 3 คนนั่งได้อย่างสบาย แต่ถ้าหากเป็นเด็กหรือตัวเล็ก ก็สามารถรองรับได้มากกว่านั้น ขนาดกว้างขวางกำลังดี แถมยังสามารถนอนเล่นได้ จึงได้รับความนิยมมากที่สุด แต่จะเหมาะกับห้องที่มีพื้นที่มากพอสมควร

อย่างไรก็ตาม ถ้าหากใครอยากให้โซฟามีที่นั่งเยอะ แต่สวนทางกับขนาดห้องที่มีจำกัด ขอแนะนำให้เลือกใช้เป็นแบบโซฟาที่มีดีไซน์เรียบง่าย เพราะถึงแม้โซฟาที่มีดีไซน์หรูหราจะสวยงาม แต่ก็กินพื้นที่มากกว่าปกติแถมยังใหญ่เทอะทะ ทำให้ห้องดูแคบลงได้

  • สไตล์ของโซฟาก็สำคัญ

สไตล์ของโซฟา

นอกจากขนาดและประเภทแล้ว สไตล์ของโซฟาก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ที่สำคัญคือมีให้เลือกหลากหลายสไตล์มาก โดยแต่ละสไตล์จะมีลักษณะและจุดเด่นแตกต่างกันออกไป เช่น
  • คลาสสิกดั้งเดิม (Classic Traditional) : โซฟาสไตล์นี้จะเน้นความเรียบง่าย น่ามอง ไม่ธรรมดา และไม่หรูหราจนเกินไป เหมาะกับคนทุกยุค ทุกเพศ ทุกวัย จึงนิยมใช้ในบ้านที่มีสมาชิกจำนวนมาก หรือบ้านที่ต้องการความสงบและอบอุ่น
  • ยุคกลาง (Mid Century) : โซฟาสไตล์นี้เป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะและการใช้งาน จึงมีรูปทรงที่เรียบง่าย แต่สีสันสวยงามสะดุดตา เหมาะกับคนที่อยากให้ห้องนั่งเล่นสดชื่นและมีชีวิตชีวา
  • ร่วมสมัย (Contemporary) : โซฟาสไตล์นี้จะค่อนข้างเรียบง่าย ทั้งดีไซน์และโทนสีเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการให้ห้องนั่งเล่นอบอุ่น ผ่อนคลาย และน่านั่งพักผ่อน
  • อินดัสเทรียล (Industrial) : โซฟาสไตล์นี้ค่อนข้างโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ ส่วนใหญ่ทำมาจากไม้และโลหะ อีกทั้งยังมีโทนสีที่เป็นกลางหรือเป็นธรรมชาติเหมือนกันกับโซฟาสไตล์ร่วมสมัย
  • สแกนดิเนเวียน (Scandinavian) : โซฟาสไตล์นี้มักจะมาพร้อมกับการออกแบบที่เรียบคลีนและขาไม้สีธรรมชาติ จุดเด่นอยู่ที่ความสวยงาม แข็งแรง แถมยังให้ความรู้สึกพอดี ไม่มาก ไม่น้อยเกินไป สามารถนำไปแต่งบ้านได้หลากหลาย แต่จะดูสดใสมากขึ้น ถ้าอยู่ท่ามกลางเฟอร์นิเจอร์ที่มีโทนสีสว่าง
  • กลางแจ้ง (Outdoor) : โซฟาสไตล์นี้เหมาะจะตั้งไว้นอกบ้าน ส่วนใหญ่ทำจากวัสดุที่มีคุณภาพสูงและทนต่อทุกสภาพอากาศ จึงค่อนข้างแข็งแรง ทนทาน และใช้งานได้นานเป็นพิเศษ
  • มองหาวัสดุหุ้มโซฟาที่สวยงามตรงใจ

วัสดุหุ้มโซฟา

แน่นอนว่าทุกวันนี้มีวัสดุหุ้มโซฟาให้เลือกมากมาย ซึ่งแต่ละชนิดก็จะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน ฉะนั้นต้องพิจารณาให้รอบคอบ พร้อมทั้งเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งานจริง ดังนี้
 
  • โซฟาผ้า : เป็นโซฟาที่คลาสสิกที่สุด ใช้ได้ทุกยุค ทุกสมัย พื้นผิวค่อนข้างนุ่มและเนียน ที่สำคัญเข้าได้กับทุกสไตล์ และทำความสะอาดได้ง่าย จึงเหมาะกับบ้านที่มีเด็กเล็ก สัตว์เลี้ยง หรือบ้านที่เน้นเฟอร์นิเจอร์แนวธรรมชาติเป็นพิเศษ
  • โซฟากำมะหยี่ : เป็นโซฟาที่ให้ความรู้สึกหรูหรา อลังการ พื้นผิวค่อนข้างเนียนเรียบ น่าสัมผัส ส่วนจุดเด่นอยู่ที่เฉดสี ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายตั้งแต่ฉูดฉาดไปจนถึงธรรมชาติ อีกทั้งยังสามารถทนต่อรอยคราบได้พอสมควรด้วย
  • โซฟาหนัง : เป็นโซฟาที่แข็งแรง ทนทาน จึงเหมาะกับบ้านที่มีเด็กเล็กและสัตว์เลี้ยง แต่สามารถเกิดรอยได้ง่าย จึงต้องระวังเรื่องการขีดข่วน อย่างไรก็ตามโซฟาชนิดนี้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้ เพราะไม่เก็บขน ผม และฝุ่น ทว่าจะทำความสะอาดยาก และต้องดูแลรักษามากเป็นพิเศษ
  • เลือกเบาะให้ดี มีชัยไปกว่าครึ่ง

ไม่ใช่แค่โครงสร้างภายในเท่านั้น แต่วัสดุที่ใส่ในเบาะก็ต้องดีด้วย โดยเบาะที่ทำจากขนเป็ดหรือขนห่านจะให้ความสบาย แต่ต้องคอยตีให้ฟูอยู่ตลอด ส่วนเบาะที่ทำจากโฟมหรือเส้นใยก็จะแข็งแรง แต่แบนและเสียทรงได้ง่าย ควรเลือกแบบโซฟาที่ใช้ทั้งขนเป็ดและโฟมผสมกัน เพราะขนนกจะช่วยให้เบาะนุ่ม ส่วนโฟมจะช่วยให้เบาอยู่ทรง ตัวอย่างเช่น โซฟาที่เบาะพนักพิงทำจากขนนก ส่วนเบาะนั่งทำจากโฟมหรือเส้นใยนั่นเอง

  • ลองใช้งานก่อนซื้อทุกครั้ง

ทั้งนี้โซฟาส่วนใหญ่จะมีความลึกของเบาะนั่งประมาณ 60 เซนติเมตร ส่วนความสูงประมาณ 45-50 เซนติเมตร ฉะนั้นเพื่อให้ได้โซฟาที่รองรับสรีระของคนในครอบครัวอย่างดีที่สุด ควรเช็กทั้งความกว้าง ความสูง ความลึก และความยาวของโซฟาให้ละเอียด และที่สำคัญควรให้สมาชิกในบ้านลองนั่ง และลองใช้งานให้ครบด้วย