แนะนำดอกไม้ปลูกน่าหนาว ส่งกลิ่นหอมฟุ้งต้อนรับลมหนาวที่จะมาแน่นอน

หน้าหนาวปีนี้ ใครที่กำลังมองหาดอกไม้ไว้ปลูกในสวนของตนเอง วันนี้เราได้รวบรวมดอกไม้ที่ส่งกลิ่นสุดหอมภายในหน้าหนาว บอกได้เลยว่าปลูกไว้ในบ้านส่งกลิ่นหอมฟุ้งในบ้านอย่างแน่นอน ไปดูกันเลยว่าเราได้นำต้นไหนมาแนะนำกันบ้าง ไปชมกัน
กระดังงา
กระดังงา หรือการเวก (Ylang-Ylang หรือ Cananga) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Artabotrys hexapetalus (Linn.f.) Bhandari. หรือ Cananga odorata (Lamk.) Hook.f. et Th. ต้นกำเนิดมาจากประเทศอินเดียและศรีลังกา ลักษณะเป็นไม้ยืนต้นหรือไม้เลื้อยเนื้อแข็งมีเถา ขนาดกลางถึงใหญ่ อายุหลายปี กิ่งก้านลู่ลงด้านล่าง ใบเป็นใบเดี่ยว รูปรี ปลายแหลม โคนมน แผ่นหนาและเหนียว มีขนตามเส้นใบ ดอกออกเดี่ยว สีเหลืองสวยงาม มีจุดเล็กสีขาวตรงกลาง ส่งกลิ่นหอมแรง บานช่วงเช้าตรู่ พบเห็นได้ตลอดทั้งปี แต่จะดกมากในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม ส่วนผลทรงรีและป้อม มีเมล็ดข้างใน
คนส่วนใหญ่นิยมปลูกเป็นไม้มงคล ไม้ประดับ และไม้ช่วยลดมลพิษทางอากาศ นิยมขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด ตอนกิ่ง และปักชำ นิยมปลูกในแปลงและทำที่ค้ำให้เลื้อยเกาะ แข็งแรง ทนความร้อนดี ทนมลพิษสูง ชอบดินร่วนซุย ต้องการน้ำปานกลาง ต้องการแดดจัดกลางแจ้ง และควรหมั่นตัดแต่งกิ่งเป็นประจำเพื่อความสวยงามและทรงพุ่มที่เหมาะสม
ช่อมาลี
ช่อมาลี หรือกุมาริกา (Osmanthus) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Parameria laevigata (Juss.) Moldenke ต้นกำเนิดมาจากบางประเทศในทวีปเอเชีย ลักษณะเป็นไม้เลื้อยขนาดเล็ก ยึดเกาะได้ดี ลำต้นมีน้ำยางสีขาว ยอดเป็นทรงพุ่มเล็กน้อย ใบเป็นใบเดี่ยว รูปรี ปลายแหลม โคนสอบ ขอบหยัก แผ่นหนา ส่วนดอกออกเป็นช่อ ขนาดเล็ก สีขาว ส่งกลิ่นหอมตอนพลบค่ำ มักจะพบในช่วงฤดูหนาว หรือราวเดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์ ผลเป็นฝักคู่และมีเมล็ด นิยมขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด ปักชำ และตอนกิ่ง โตเร็ว ออกดอกเร็วภายใน 6 เดือน แข็งแรง ทนโรค ทนแมลง ไม่ต้องดูแลมาก ชอบดินร่วน ชอบแสงแดดจัดตลอดวัน ชอบน้ำปานกลาง เหมาะปลูกเป็นไม้ประดับตามแนวรั้ว ปลูกทำซุ้ม แต่ต้องหมั่นกวาดพื้นและทำความสะอาดเพราะใบร่วงเยอะมาก
หิรัญญิการ์
เลือกกระจกที่ราคาไม่แพง ซึ่งคุณจะปล่อยให้กระจกเหล่านั้นเหมือนเดิมก็ได้ หรือทาสีกรอบกระจกเหล่านั้น รวมไปถึงไม่จำเป็นต้องเลือกกระจกขนาดเดียว แบบเดียว เพราะสามารถเลือกแบบและขนาดที่หลากหลายได้เพื่อสร้างกำแพงกระจกอันแสนเรียบง่ายภายในบ้านของคุณ
แย้มปีนัง
แย้มปีนัง หรือหอมปีนัง (Climbing Oleander หรือ Cream fruit) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Strophanthus gratus (Wall. ex Hook.) Baill. ต้นกำเนิดมาจากประเทศตอนใต้ของทวีปแอฟริกา และประเทศเขตร้อนของทวีปเอเชีย ลักษณะเป็นไม้พุ่มกึ่งเลื้อยขนาดเล็ก เปลือกหนา ไม่ยึดเกาะ ลำต้นมีน้ำยางสีขาว ใบเป็นใบเดี่ยว รูปรี ปลายแหลม โคนสอบ แผ่นหนา ส่วนดอกออกเป็นช่อกระจุก ทยอยบาน สีชมพูอมม่วงคล้ายกุหลาบ ส่งกลิ่นหอมทั้งวัน แต่กลิ่นจะแรงเป็นพิเศษในช่วงเช้าหรือเย็น (ช่วงที่อุณหภูมิต่ำ) ส่วนใหญ่พบได้ตลอดทั้งปี แต่จะดกและเยอะมากในช่วงปลายฤดูหนาว ผลเป็นฝักคู่รูปกระบอกและมีเมล็ดข้างใน สามารถขยายพันธุ์ได้ด้วยการเพาะเมล็ด ตอนกิ่ง และปักชำ ไม่ค่อยมีโรคหรือแมลงรบกวน ชอบดินร่วนซุยที่ระบายน้ำดี ชอบแดดจัด ชอบน้ำพอสมควร หลีกเลี่ยงการปลูกในที่แล้ง และหมั่นตัดแต่งทรงบ่อย ๆ ประมาณปีละ 2-3 ครั้ง
ปีบ
ปีบ หรือกาสะลอง (Cork Tree) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Millingtonia hortensis Linn. ต้นกำเนิดมาจากประเทศไทย ลักษณะเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงใหญ่ สูงโปร่ง ผลัดใบ ยอดพุ่มทรงกระบอก แตกกิ่งก้านสูงและห้อยลงมาด้านล่าง ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก รูปไข่ ปลายแหลม โคนมน ขอบหยักเล็กน้อย ส่วนดอกออกเป็นช่อกระจุกซ้อนตาม มีขน บ้างสีขาว บ้างสีชมพู มักจะพบในช่วงปลายฝนถึงกลางหนาว หรือราวเดือนตุลาคม-มีนาคม ส่งกลิ่นหอมตลอดทั้งวัน ผลเป็นฝักแห้ง แบน ตรง สีน้ำตาล สามารถขยายพันธุ์ได้ทั้งปักชำและตอนกิ่ง ดูแลไม่ยาก ปลูกในที่แล้งได้ ชอบดินที่มีธาตุอาหารต่ำ ต้องการน้ำประมาณ 3 วัน/ครั้ง แต่ต้องหมั่นตัดแต่งทรงเพื่อควบคุมลักษณะและความสวยงามของต้นเป็นประจำ
พะยอม
พะยอม (Phayom หรือ White – Meranti) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Shorea roxburghii G. Don. ต้นกำเนิดมาจากประเทศในทวีปเอเชีย เช่น ไทย พม่า ศรีลังกา ลักษณะเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงใหญ่ ทรงพุ่มกลมสวยงาม ใบเป็นใบเดี่ยว ขนาดเล็ก รูปหอก ปลายมน โคนมน ขอบเป็นคลื่น เนื้อหนาเป็นมัน ดอกออกเป็นช่อ สีขาวหรือขาวอมเหลือง กลิ่นหอมมาก โดยเฉพาะช่วงเย็นถึงมืด บานพร้อมกันทั้งลำต้น มักจะพบในช่วงปลายฤดูหนาวถึงต้นฤดูร้อน หรือราวเดือนธันวาคม-เมษายน ผลเป็นทรงกระสวยปลายแหลมมีปีก นิยมขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดและตอนกิ่ง สวยงามแต่โตช้า ปลูกในที่แห้งแล้งได้แต่ไม่ชอบดินเค็ม ช่วงที่ใบร่วงไม่ควรให้ปุ๋ยและน้ำ รอสักพักจนกระทั้งร่วงหมดต้น แล้วจึงกลับมาให้ปุ๋ยและน้ำทันที